อะเซโรลา เชอร์รี่ เป็นพืชในตระกูล Malpighiaceae มีชื่อสามัญว่า Barbados cherry, west Indian cherry, acerola, cereza, cerisier, shimarucu และมีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Malpighia punocifolia L. โดยชื่อ อะเซโรลา เชอร์รี่เป็นชื่อภาษาเปอร์โตริกัน
อะเซโรลา เชอร์รี่ เป็นพืชเขตร้อน (tropical to sub-tropical) มีถิ่นกำเนิดในหมู่เกาะอินดีสตะวันตก (West Indies) แถบทะเลแคริบเบียน โดยพบทางตอนเหนือของอเมริกาใต้ เช่น เม็กซิโก บาฮามาส ทรินิเดด คิวบา จาไมก้า บราซิล เปอร์โตริโก และแผ่ขยายไปจนถึงอเมริกากลาง และอเมริกาใต้ เชื่อกันว่ามีการนำจากประเทศคิวบาไปปลูกที่รัฐฟลอริดา อเมริกา ในค.ศ. 1887-1888 ก่อนที่จะมีการนำไปปลูกที่ประเทศเปอร์โตริโกก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 และมีการนำไปปลูกทั่วโลก เช่น เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และอินเดีย
อะเซโรลา เชอร์รี่ เป็นไม้พุ่มขนาดใหญ่ สูงประมาณ 6 เมตร ลำต้นมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 10 เซนติเมตร มีขนอ่อนเล็กๆที่กิ่ง มีดอกสีชมพู ถึงสีม่วงอ่อน(ลาเวนเดอร์) ผลของอะเซโลรา เชอร์รี่อาจเป็นผลเดี่ยว หรือเป็นช่อประมาณ 2-3 ลูก มีลักษณะแป้นถึงกลม คล้ายเชอร์รี่ แต่มี 3 หยัก ขนาดกว้างประมาณ 1.25-2.5 เซนติเมตร ผิวมันบาง สีแดงสด เนื้อชุ่มน้ำสีส้ม มีรสเปรี้ยว หรืออมเปรี้ยวจนเกือบหวาน มีกลิ่นคล้ายแอปเปิ้ล ใน 1 ผลจะมี 3 เมล็ด เนื่องจากผลของอะเซโลรา เชอร์รี่มีผิวที่ค่อนข้างบาง จึงทำให้ช้ำง่าย และเสื่อมสภาพเร็ว หลังจากเก็บเกี่ยวแล้วจะเกิดกระบวนการหมักอย่างรวดเร็ว (ประมาณ 3-5 วัน) และถ้าไม่เก็บไว้ในที่อุณหภูมิต่ำ (7°c) จะทำให้เกิดเชื้อราขึ้นได้ง่าย โดยถ้าต้องการเก็บไว้นานๆ ต้องเก็บที่อุณหภูมิต่ำกว่า -12°c จึงนิยมรับประทานผลสด หรือนำไปทำแยม เยลลี่ ไซรัป น้ำผลไม้ และก็มีการนำมาประยุกต์ใช้ในผลิตภัณฑ์เสริมความงามต่างๆ เช่น ผงขัดผิว สบู่/เจลล้างหน้า หรือเป็นส่วนผสมในครีมและเครื่องสำอางต่างๆ เป็นต้น
อะเซโลรา เชอร์รี่เป็นแหล่งของสารต้านอนุมูลอิสระ คือ วิตามินซี มีโปรตีนและแร่ธาตุสูงโดยเฉพาะ เหล็ก ฟอสฟอรัส แคลเซียม และมีสาระสำคัญตัวหนึ่งชื่อ trans-beta-carotene ซึ่งเชื่อกันว่าสามารถเสริมภูมิต้านทานของร่างกาย มีปริมาณของไขมันอิ่มตัว และโซเดียมต่ำ ไม่มีคลอเลสเตอรอล และจากผลการวิจัยพบว่า อะเซโรลา เชอร์รี่ มีปริมาณวิตามินซีสูงกว่าที่พบในส้มถึง 30-80 เท่า
ปริมาณสารอาหารที่พบจากส่วนที่กินได้ของอะเซโลรา เชอร์รี่ 100 กรัม
- พลังงาน 59 แคลอรี่
- โปรตีน 0.68-1.8 กรัม
- ใยอาหาร 0.6-1.2 กรัม
- ไขมัน 0.18-1 กรัม
- คาร์โบไฮเดรต 6.98-14.0 กรัม
- แคโรทีน 0.003-0.0408 มิลลิกรัม
- แคลเซียม 8.2-34.6 มิลลิกรัม
- ฟอสฟอรัส 16.2-37.5 มิลลิกรัม
- เหล็ก 0.17-1.11 มิลลิกรัม
- วิตามินเอ 408-1000 มิลลิกรัม
- วิตามินบี 1 0.024-0.04 มิลลิกรัม
- วิตามินบี 2 0.038-0.079 มิลลิกรัม
- ไนอะซิน 0.34-0.526 มิลลิกรัม
- กรดโฟลิก 13.7 ไมโครกรัม
- วิตามินซี (ขึ้นกับสายพันธุ์) ผลดิบสีเขียวมีวิตามินซี 4500 มิลลิกรัม
- ปริมาณความชื้น 81.9-91.0 กรัม
- เถ้า 0.77-0.82 กรัม
- ปริมาณของผลกึ่งสุก 3300 มิลลิกรัม
- ปริมาณของผลสุก 2000 มิลลิกรัม
- ปริมาณเฉลี่ยทุกสายพันธุ์ 1500 มิลลิกรัม
อะเซโลรา เชอร์รี่ เป็นผลไม้เมืองร้อนที่ทั่วโลกยอมรับว่ามีวิตามินซีอุดมสมบูรณ์ที่สุดชนิดหนึ่ง และมีไฟโตนิวเทรียนท์ (Phytonutrients) ที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ จึงได้มีการปลูกเป็นอุตสาหกรรมเพื่อนำมาผลิตวิตามินซีกันอย่างแพร่หลาย ในหลากหลายรูปแบบ เช่น แบบผง อัดเม็ด แคปซูล น้ำผลไม้ แต่ถ้ามีความร้อนสูง วิตามินซีจะสลายตัว ทำให้ต้องสกัดน้ำอะเซโลรา เชอร์รี่ที่อุณหภูมิต่ำประมาณ -195°c และผลอะเซโลรา เชอร์รี่ 18 กิโลกรัมจะสกัดเป็นน้ำได้ 1 กิโลกรัม จากนั้นมาทำให้แห้งเพื่อนำไปผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ต่อไป
อะเซโรลา เชอร์รีเป็นผลไม้ที่มีคุณค่าทางโภชนาการเยอะมาก เพราะอุดมไปด้วยวิตามินซี ไฟโตนิวเทรียนท์ในกลุ่มแอนโธไซยานินและแคโรทีนอยด์ รวมถึงวิตามินบี 1 , บี 2 ,บี 3, บี 6 และวิตามินบี 12 นอกจากนี้ยังพบแร่ธาตุที่สำคัญต่อร่างกายอย่างโพแทสเซียม แคลเซียม โซเดียม เหล็ก ฟอสฟอรัส ทองแดง สังกะสี ซีลีเนียม ในผลไม้มหัศจรรย์นี้ด้วย
วิตามินซีในอะเซโรล่า เชอรี่
โดยทั่วไปผลสดของอะเซโรลา เชอร์รี 100 กรัม จะพบวิตามินซีตั้งแต่ 1.5 กรัม ถึงประมาณ 3.5 กรัมน้ำอะเซโรลา เชอร์รีคั้นสดปริมาตร 180 มิลลิลิตรมีปริมาณวิตามินซีเทียบเท่ากับน้ำส้มคั้นสด 14 ลิตร วิตามินซีจากผลอะเซโรลา เชอร์รี สามารถดูดซึมผ่านลำไส้เล็กได้เร็วกว่าวิตามินซีสังเคราะห์ถึง 1.63 เท่า เนื่องมาจากไฟโตนิวเทรียนท์ในผลอะเซโรลา เชอร์รี เช่น ฟลาโวนอยด์ (Flavonoids) และแอนโธไซยานิน (Anthocyanin) ที่ช่วยเพิ่มการดูดซึมวิตามินซี
อะเซโรลา เชอร์รี่ ยังมีดีอีกนะ….
นอกจากมีวิตามินซีสูงแล้ว (ซึ่งครั้งหน้าจะนำเรื่องของวิตามินซีมาฝากนะคะ) อะเซโรลา เชอร์รี่ มีผลต่อสุขภาพของเราด้วยนะคะ ..
อันดับแรกเลยคือ อะเซโรลา เชอร์รี่ ขึ้นชื่อเลยว่าสามารถต้านอนุมูลอิสระในร่างกายได้อย่างดี
จากการศึกษาพบว่าสารสกัดจากผลอะเซโรลา เชอร์รีทั้งในรูปสกัดจากผลสดและน้ำคั้นมีค่า ORAC สูงมากกว่าสตรอเบอร์รีและผักโขม (ORAC คือ Oxygen Radical Absorbance Capacity เป็นวิธีวัดศักยภาพของสารต้านอนุมูลอิสระที่ปรับให้อนุมูลอิสระมีค่าเป็นกลาง) นั่นหมายถึง อะเซโรลา เชอร์รี่ มีความสามารถต้านอนุมูลอิสระได้ดีกว่านั่นเอง
นอกจากนี้ อะเซโรลา เชอร์รี่ ช่วยชะลอการย่อยคาร์โบไฮเดรต และการดูดซึมกลูโคส
การย่อยคาร์โบไฮเดรตนั้นจำเป็นต้องใช้เอนไซม์จากตับอ่อนและลำไส้เล็ก เพื่อย่อยน้ำตาลโมเลกุลคู่ให้เป็นน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยว และให้ร่างกายจะดูดซึมและนำไปใช้ประโยชน์ต่อไป ซึ่งหากสามารถทำการชะลอกระบวนการดูดซึมน้ำตาลได้ช้าลง ก็จะส่งผลดีต่อผู้ป่วยเบาหวาน ซึ่งเรื่องนี้ได้มีการทำการทดลองกับหนูทดลองที่เป็นเบาหวาน พบว่าสามารถช่วยชะลอการดูดซึมน้ำตาลกลูโคสได้
อะเซโรลา เชอร์รี เป็นผลไม้ชนิดหนึ่งที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพและใช้เป็นวัตถุดิบในอาหารมาเป็นเวลานาน จึงมีความปลอดภัยสูงแม้จะรับประทานต่อเนื่องเป็นเวลานานโดยมีการทดสอบกับสัตว์ทดลองเกี่ยวกับผลข้างเคียงของการรับประทานสารกสัดโพลิฟีนอล จากอะเซโรลา เชอร์รี พบว่า สารสกัดไม่เป็นอันตรายต่อเม็ดเลือดแดงและเม็ดเลือดขาว หรืออวัยวะต่างๆ
ด้วยคุณภาพคับคั่งอย่างนี้ ทำให้ราคาของผลไม้นี้ก็สูงตามไปด้วย แต่ก็คุ้มค่าเพราะ อะเซโรลา เชอร์รี่ อุดมไปด้วยสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายเราัทั้งนั้น และที่สำคัญสำหรับสาวๆ ที่ต้องการดูแลผิวพรรณให้สดใสผุดผ่อง มีน้ำมีนวล อะเซโรลา เชอร์รี่ ก็เป็นอีกคำตอบหนึ่งที่ช่วยคุณได้ค่ะ
คุณประโยชน์ของวิตามินซีจากอะเซโรลา เชอร์รี่
1. เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันเซลล์ถูกทำลายโดยอนุมูลอิสระทั้งจากปัจจัยภายนอกและภายใน
2. จำเป็นต่อการสร้างเส้นใยคอลลาเจน ( Collagen ) โดยช่วยออกฤทธิ์เร่งปฏิกิริยาทางเคมีที่เกี่ยวข้องกับสารคอลลาเจน และการประสานตัวของเนื้อเยื่อคอลลาเจน จึงช่วยให้แผลในร่างกายหายเร็วขึ้นช่วย เสริมสร้างการเจริญเติบโตในผู้ใหญ่ ทำให้ผิว กระชับ ลดการเกิดริ้วรอยก่อนวัย ทำให้ผนังหลอดเลือดแข็งแรง ช่วยในการสมานตัวของแผล หากขาดวิตามินซี เป็นสาเหตการเปราะแตกง่ายของ ผนังหลอดเลือด ทำให้เลือดออกง่าย
3. ต้านการเกิดมะเร็ง โดยการยับยั้งสารไนโตรซามีนจากการรับประทานอาหารจำพวกเนื้อสัตว์ที่ไหม้เกรียม
4. ป้องกันการกระจายตัวของเซลล์มะเร็ง โดย ยับยั้งการทำงานของเอ็นไซม์ไฮยาลูโรนิเดส ( Hyaluronidase ) ที่ทำหน้าที่ทำลายเนื้อเยื่อรอบเซลล์มะเร็งจนก่อให้เกิดการกระจายตัวของ เซลล์มะเร็งไปตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ( Metaastasis )
5. ช่วยดูดซึมซีลีเนียมในลำไส้ อะเซโร ลาเชอร์รี่ มีปริมาณวิตามินซีสูงกว่าที่พบในส้มถึง 30-80 เท่า และจัดเป็นผลไม้ที่มีวิตามินสูงที่สุด นอกจากนั้น เสริมการทำงานของวิตามินซ๊ด้วยสารต้านอนุมูลอิสระต่างๆ จะช่วยให้ร่างกายสามารถนำวิตามินซีไปใช้ให้เกิดประโยชน์มากขึ้น
6. จำเป็นต่อการสร้างเส้นใยคอลลาเจน ( Collagen ) โดยช่วยออกฤทธิ์เร่งปฏิกิริยาทางเคมีที่เกี่ยวข้องกับสารคอลลาเจน และการประสานตัวของเนื้อเยื่อคอลลาเจน จึงช่วยให้แผลในร่างกายหายเร็วขึ้นช่วย เสริมสร้างการเจริญเติบโตในผู้ใหญ่ ทำให้ผิว กระชับ ลดการเกิดริ้วรอยก่อนวัย ทำให้ผนังหลอดเลือดแข็งแรง ช่วยในการสมานตัวของแผล หากขาดวิตามินซี เป็นสาเหตการเปราะแตกง่ายของ ผนังหลอดเลือด ทำให้เลือดออกง่าย
ความเครียด ภาวะเครียดเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ความเครียดจะกระตุ้นการหลั่งของฮอร์โมนจำพวกอะดรีนาลิน (Adrenalin) และคอร์ทิซอล (Cortisol) ซึ่งเพิ่มการไหลเวียนของเลือดไปทั่วร่างกาย และหากเกิดการกระตุ้นจากฮอร์โมนนี้ติดต่อกันนานๆ ร่างกายจะนำสารอาหารไปใช้ในการเผาผลาญพลังงานมากเกินไปตามมา ดังนั้น การรับประทานวิตามินซีจากธรรมชาติจะช่วยลดอาการเครียดได้ด้วยกลไกการชดเชยวิตามินซี ที่ถูกนำไปใช้ในกระบวนการเผาผลาญอาหาร ช่วยลดการแพ้ต่างๆ รวมทั้งโรคภูมิแพ้ โดยยับยั้งสารที่เรียกว่า ฮีสตามีน เป็นสารที่ร่างกายสร้าง ขึ้นมาหากมากเกินไปจะทำให้มีอาการระคายเคืองตามระบบหายใจ ทำให้จามมีน้ำมูกไหล นอกจากนี้ยังพบว่าวิตามินซีสามารถลดโอกาสการติด เชื้อบริเวณปอดได้อย่างมีนัยสำคัญ
ข้อมูลวิจัยล่าสุดจากการศึกษาทาง วิทยาศาสตร์ของอะเซโรลา เชอร์รี พบว่า
วิตามินซีจากผงอะเซโรลา เชอร์รีสามารถเอื้อ ประโยชน์ต่อร่างกาย (Bioavailable) ได้มากกว่า วิตามินซีที่ได้จากการสังเคราะห์ ในเด็กทารก หลังจากประทานวิตามินซีจากอะเซโรลา เชอร์รีผสมกับน้ำแอปเปี้ลพบว่า เด็กทารก มีอัตราการเจริญเติบโตและพัฒนาการของร่างกาย เมื่อเทียบตามอายุและน้ำหนักสูงกว่ามาตรฐานเด็กทารกในวัยเดียวกัน
ในผู้ใหญ่สูงอายุที่มีกิจกรรมปกติหลังจากการรับประทานอะเซโรลา เชอร์รีแล้วเจาะเลือดพบว่า มีระดับของเม็ดเลือดขาวจำพวก ลิวโคไซท์เพิ่มขึ้นในเลือด ดังนั้นการรับประทาน อะเซโรลา เชอร์รีจึงมีความสัมพันธ์กับการเสริมภูมิต้านทานในผู้ใหญ่สูงอายุ อย่างมีนัยสำคัญ
อะเซโรลา เชอร์รี ต้านเชื้อราได้เนื่องจากในผลอะเซโรลา เชอร์รีให้สารออกฤทธิ์ยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อราจำพวก Epidermephyton floccosum, Microsporum canis และTrichophyton rubrumm
No comments:
Post a Comment